พูดถึงเรื่องสถาปัตยกรรมแล้วนั้น วัดดูเหมือนจะเป็นอะไรที่คนไทยทั่วไปเข้าถึงได้ง่าย ทั้งในแง่ของการเป็นพุทธศาสนิกชน รวมทั้งการศึกษามาเรียนรู้ในเชิงท่องเที่ยวกันอีกด้วย
ใน จ. บุรีรัมย์ ดินแดนที่ในอดีตเคยศิลปะขอมเรืองอำนาจ ที่นี้มีวัดที่น่าสนใจ ใคร่แก่การแวะมาเยี่ยมชมกันครับ ซึ่งวัดที่ผมกำลังพูดถึงอยู่นี้ คือ วัดเขาพระอังคาร
วัดเขาพระอังคาร ตั้งอยู่ บ้านเจริญสุข ต.เจริญสุข อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ เป็นวัดที่สร้างมานานในยุคที่ขอมเรืองอำนาจแถวนี้ โดยสถาบัตยกรรมที่เห็นในวัดปัจจุบัน ส่วนใหญ่สร้างใหม่ทับของเก่า ตัววัดตั้งอยู่ห่างจากหมู่บ้านประมาณ 3 ก.ม.
จากประวัติความเป็นมาวัดเขาพระอังคาร สร้างเมื่อสมัยใดไม่มีใครทราบ แต่สันนิษฐานว่าสร้างก่อนปราสาทเขาพนมรุ้ง ในสมัยที่ขอมเรืองอำนาจและนับถือศาสนาพราหมณ์ อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้พระพุทธศาสนาถูกอิทธิของศาสนาพราหมณ์เข้าครอบครอง สถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ขาดการทำนุบำรุงรักษาจากผู้คนมานับเป็นพัน ๆ ปี
ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2471 หลวงพ่อก้อน ยโสธโร วัดโพธาราม บ้านผักหวาน ตำบลถนนหัก อำเภอนางรอง ได้รับสมณศักดิ์เป็นพระครูโสภณธรรมคุต ตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอนางรองได้นำพระภิกษุสามเณรและญาติโยมบ้านผักหวาน มาสร้างศาลาเก็บรอยพระพุทธบาทจำลองเพื่อทำบุญเดือน 6 เป็นประจำทุกปี
พ.ศ. 2494 พระครูโสภณธรรมคุตได้มรณภาพลง โบราณสถานวัตถุก็ขาการทะนุบำรุง จะมีแต่ชาวบ้านในละแวกใกล้เคียง เช่น บ้านเจริญ บ้านหนองสะแก บ้านป่ารังมาทำบุญตักบาตรเพื่อทำพิธีบวงสรวงขอฝนทุกปี
พ.ศ. 2497 หลวงพ่อบุญมา ธมฺมโชโต เจ้าอาวาสวัดเจริญสุข ได้นำญาติโยมบ้านเจริญสุขและญาติโยมบ้านใกล้เคียงมาทำถนนขึ้นไปบนเขาพระอังคาร เพื่อสะดวกในการเดินทางขึ้นไปทำบุญบนเขาพระอังคารในเดือน 10 โดยใช้เกวียนเป็นพาหนะ
พ.ศ. 2500 หลวงพ่อบุญมา ธมฺมโชโต ได้ไปศึกษาปฏิบัติธรรมสมถกัมมัฏฐานและวิปัสนากัมมัฏฐาน ที่วัดมหาธาตุ กรุงเทพฯ เมื่อกลับมา รับนิมนต์จากผู้ใหญ่และข้าราชการให้ไปจัดสร้างสำนักปฏิบัติธรรมที่วัดเขากระโดง จังหวัดบุรีรัมย์ ก่อนไปหลวงพ่อบุญมาได้ทำนายไว้ว่าตัวท่าน บุญบารมียังน้อย ไม่สามารถจะสร้างเขาพระอังคารให้เจริญรุ่งเรืองได้ ต่อไปจะมีผู้มีบุญบารมีมาสร้างเขาพระอังคารให้เจริญรุ่งเรืองได้ หินก็จะขายได้และจะมีพาหนะยวดยานขึ้นลงมากมาย
หลักจากนั้นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์บนเขาพระอังคารจึงรกร้าง ขาดผู้ดูแลรักษา ปีหนึ่งจะมีเฉพาะชาวบ้านใกล้เคียงขึ้นไปทำบุญตักบาตร ทำพิธีบวงสรวงขอฝนปีละครั้ง
พ.ศ. 2520 พระอาจารย์ปัญญา วุฒิโส จากสำนักถ้ำผาแดง จังหวัดอุดรธานี ได้นั่งปฏิบัติธรรมกัมมัฏฐาน ได้นิมิตเห็นหลวงปู่วิริยะเมฆซึ่งเป็นผู้สำเร็จอรหันต์ ประทับอยู่บนเขาพระอังคารมาอาราธนาท่านให้ไปทำการก่อสร้างปฏิสังขรณ์ปูชนียวัตถุอันล้ำค่า มีพระอังคารธาตุ ใบเสมาศิลาแลง 8 คู่ 8 ทิศ และรอยพุทธบาทจำลองเพื่อเป็นการเผยแผ่พระพุทธศาสนา สืบทอดประเพณีของพุทธองค์ให้เจริญรุ่งเรืองให้แล้วเสร็จภายใน 10 ปี
ในเดือนมกราคม พ.ศ. 2520 พระอาจารย์ปัญญา วุฒิโส ได้เดินธุดงค์มายังเขาพระอังคาร ก็ได้พบเห็นโบราณวัตถุตามที่หลวงปู่วิริยะเมฆนิมิตให้ทุกอย่างจึงได้จัดตั้งสำนักปฏิบัติธรรมเรื่อยมาและมีญาติโยมจากหมู่บ้านใกล้เคียงและต่างจังหวัดมารักษาศีลปฏิบัติธรรมอยู่ประจำเสมอมา และปัจจุบันเขาพระอังคารได้จัดเป็นแหล่งท่องเที่ยวโบราณสถานและโบราณวัตถุของจังหวัดบุรีรัมย์อีกแห่งหนึ่งเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมของพุทธศาสนิกชนชาวพุทธและนักเรียนจากโรงเรียน ต่าง ๆ ได้ไปเข้าค่ายพุทธบุตรที่วัดเขาพระอังคาร เป็นที่ท่องเที่ยวของอำเภอเฉลิมพระเกียรติเพราะมี สิ่งก่อสร้างประยุกต์หลายสมัยมารวมกันไว้เพื่อให้ชนรุ่นหลังได้ศึกษา
สำหรับสิ่งที่น่าสนใจ ภายในวัด มีอุโบสถ ที่ออกแบบโดยนำศิลปะและสถาปัตยกรรมยุคสมัยต่างๆ มาผสมกลมกลืนรูปลักษณ์อุโบสถคล้ายปรางสามยอด มียอดเจดีย์แต่ละองค์ตั้งอยู่บนฐานสี่เหลี่ยม ลดหลั่นกันไป กึ่งกลางของฐานแต่ละชั้นทำเป็นชั้นทำเป็นซุ้มเรือนแก้วประดับอย่างสวยงามที่น่าสนใจ คือมีพระประธานพระพุทธรูปปางมารวิชัย
ส่วนโบราณวัตถุเก่าแก่และสิ่งก่อสร้างใหม่ มีใบเสมาหินแกะสลักรอบอุโบสถทำจากหินศิลาแลง 8 คู่ 8 ทิศ ขนาดสูง 108 ถึง 210 เซนติเมตร เป็นศิลปะขอมแบบไพรกเม็ง สันนิษฐานว่ามีอายุราวพุทธศตวรรษที่ 13-14 เกือบทุกหลักสลักเป็นเทวรูปยืนถือดอกบัว แต่งกายตามแบบความนิยมของคนในยุคนั้นคือนุ่งผ้าสั้นมีชายพกด้านขวา เทรูปส่วนใหญ่มีลักษณะไม่สมบูรณ์เพราะถูกขโมยลักลอบสกัดเอาภาพพระพักตร์ออกไป จึงได้ใช้ปูนปั้นพอกซ่อมแซมไว้แต่ก็ยังเหลือใบเสมาที่ค่อนข้างสมบูรณ์ให้ชม ใบเสมาสลักเป็นรูปทิพยบุคคลหรือเทวรูปในพระพุทธศาสนานิกายมหายานประทับยืนบนแท่นสี่เหลี่ยมด้านหลังมีพัดโบก และมีฉัตรอยู่ด้านบน นอกจากนี้ก็ยังมี รอยพระพุทธบาทจำลองไม่ทราบหลักฐานการสร้างพระอังคารธาตุเป็นสิ่งที่ควรสักการบูชาได้ประดิษฐานไว้บนอุโบสถ พระพุทธรูปปางมารวิชัยรอบอุโบสถ 108 องค์ ตำหนักหลวงปูวิริยะเมฆ พระนอนขนาดใหญ่ 1 องค์ มณฑปประดิษฐานพระพุทธรูป พระมหากัจจายนะ ศาลาเจ้าแม่กวนอิม และศาลาปฏิบัติธรรม
ถือได้ว่าวัดแห่งนี้ เป็นวัดที่น่าสนใจ ในการมาท่องเที่ยวของ จ.บุรีรัมย์ กันเลยทีเดียวครับ