พูดถึงเรื่องการท่องเที่ยวแบบเดินป่าในเมืองไทยนั้น เชื่อได้ว่าภูสอยดาว เป็นสถานที่ที่ครบรสแห่งหนึ่งในการพาตัวเองไปตกระกำลำบากเป็นอย่างยิ่งครับ ซึ่งถ้าเปรียบกับอาหารซักเมนู มันก็น่าจะเป็น “ต้มยำ” รสจัดจ้าน
มีทั้งฝน น้ำตก ทะเลหมอก ทุ่งดอกไม้ และอากาศหนาว
นี่ยังไม่นับถึงสภาพอากาศที่แปรปรวนยังกับตอนประจำเดือนของคุณสุภาพสตรีมา ชนิดที่ว่าเดี๋ยวก็แดดออก เดี๋ยวก็ฝนตก เดี๋ยวร้อน เดี๋ยวหนาว แต่ที่แน่ๆ อย่างนึงล่ะ มาที่นี้ ถ้าไม่เจอฝน เขาบอกเหมือนมาไม่ถึง
ฉะนั้น ใครมาเดินป่าภูสอยดาว เสื้อกันฝนต้องมีติดกันไว้
อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว มีพื้นที่ครอบคลุมอยู่ในท้องที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าน้ำปาด ท้องที่ตำบลม่วงเจ็ดต้น ตำบลนาขุม ตำบลบ้านโคก อำเภอบ้านโคก ตำบลห้วยมุ่น อำเภอน้ำปาด จังหวัดอุตรดิตถ์ ตำบลบ่อภาค อำเภอชาติตระการ จังหวัดพิษณุโลก เป็นพื้นที่ที่มีสภาพป่าค่อนข้างสมบูรณ์ปกคลุมไปด้วยป่าธรรมชาติที่สวยงาม เป็นแหล่งต้นน้ำลำธาร ยอดสูงสุดของภูสอยดาวสูงจากระดับน้ำทะเล 2,102 เมตร ซึ่งสูงเป็นอันดับ 5 ของประเทศไทย
เสน่ห์ของภูสอยดาวจากสภาพอากาศที่แปรปรวน มันกลายเป็นเรื่องท้าทายสำหรับนักเดินป่าทุกหมู่เหล่า เส้นทางที่ค่อยๆ สูงชัน และลื่นไปจนถึงเนินมรณะ เต็มไปด้วยความยากลำบาก แต่ก็ไม่ยากเกินไปสำหรับคนที่ใจสู้ไม่มีถอย
ตั้งแต่จุดเริ่มต้นไปจนถึงยอดเขา มีธรรมชาติให้เลือกสัมผัสความงดงาม อย่างน้ำตกภูสอยดาวที่มีทั้งหมด 5 ชั้น แต่ละชั้นมีชื่อที่ถูกสอดใส่ว่า ภูสอยดาว สกาวเดือน เหมือนฝัน กรรณิการ์ และสุภาภรณ์ ส่วนน้ำตกสายทิพย์ เป็นน้ำตกขนาดเล็ก มี 7 ชั้น ความสูงแต่ละชั้นประมาณ 5-10 เมตร วางตัวอยู่ใกล้ๆ ลานสน และด้วยสภาพป่าที่เขียวชอุ่ม แน่นอนเหลือเกินว่ามีพืชพรรณไม้นานาชนิด ดอกไม้ป่า รวมทั้งแมลงให้ได้เลือกชมเพลิน
บน ลานสน สถานีจุดหมายปลายทางของการเดินป่าภูสอยดาว ที่อยู่สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,633 เมตร ที่นี่เต็มไปด้วยพื้นที่ของลานสนสามใบเนินสูงต่ำสลับกันไป เป็นทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ ในช่วงฤดูฝน ระหว่างเดือนสิงหาคมถึงเดือนกันยายนของทุกปี จะมีดอกไม้ดินชูช่อแย่งกันออกดอกเป็นกลุ่มหนาแน่น เช่น ดอกหงอนนาค, ดอกสร้อยสุวรรณา และดอกหญ้ารากหอมในฤดูหนาวจะมีดอกกระดุมเงิน, กล้วยไม้รองเท้านารีอินทนนท์ และต้นเมเปิลซึ่งจะเปลี่ยนเป็นสีแดง และถ้าจะให้เลือกพระเอกหลักของงานเรื่องดอกไม้แล้วนั้น ดอกหงอนนาค คือพระเอกของภูสอยดาว
นอกจากนี้ยังมีจุดชมวิวทะเลหมอกในตอนเย็นที่สวยงามระดับนางงามยังต้องถอยหลบฉากให้ จังหวะที่ทะเลหมอกไหลเคลื่อนผ่านไปตามแนวขุนเขา มีแสงอาทิตย์ตอนเย็นๆ ทอประกาย คือภาพที่ประทับใจชนิดที่ใครไปแล้วคงไม่มีวันลืม
ที่สำคัญ การมาเดินเที่ยวป่าที่ภูสอยดาว ยังมีมิตรภาพดีๆ จากเพื่อนร่วมทางที่อุตส่าห์เดินลำบากมาด้วยกัน ให้ได้สัมผัสครับ
ขอบอกว่าอย่างหลังนั้น ประทับใจพอๆ กันกับความงดงามทางธรรมชาติของสถานที่แห่งนี้ อันเป็นความงดงามที่เกิดจากน้ำใจของเพื่อนมนุษย์